วันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

บทกล่าวนำเนื่องในวันชาติอเมริกา : เฟรเดอริค ดักลาส และ ฮาเวิร์ด ซินน์

บทความชิ้นนี้ ได้รับการตรวจแก้เรียบร้อยแล้ว จะนำขึ้นเผยแพร่บนเวปไซต์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนในโอกาสต่อไป

ทกล่าวนำเนื่องในงานเฉลิมฉลองวันชาติอเมริกา

4 กรกฏาคม 2543

ฮาวเวิร์ด ซินน์ กล่าว ชำนาญ ยานะ แปล

ักศึกษาปริญญาโท สาขาการแปล

สถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเพื่อพัฒนาชนบท มหาวิทยาลัยมหิดล


ในงานเฉลิมฉลองวันชาติอเมริกาปีนี้ ข้าพเจ้าไม่สามารถแสดงปาฐกถาใด ให้ลึกซึ้งเกินกว่าที่ เฟรเดอริค ดักลาส เคยแสดงไว้ ในงานฉลองวันประกาศอิสรภาพเมื่อปี พ.ศ. 2495 เขาอดไม่ได้ที่ต้องนึกถึงคำมั่นสัญญาลม ๆ แล้ง ๆ ในคำประกาศอิสรภาพ ทั้งเรื่องความเสมอภาค ชีวิต อิสรภาพ ซึ่งบรรดานายทาสทั้งหลายตราไว้ รวมทั้งการทำให้ระบบทาสถูกต้องตามกฏหมาย ดังระบุไว้ในรัฐธรรมนูญสหรัฐ ภายหลังประกาศ อิสรภาพ จากอังกฤษเป็นผลสำเร็จ เฟรเดอริค ดักลาส ได้รับเชิญให้กล่าวปาฐกถาเพียงสองปีหลังจากสหรัฐอเมริกาออก กฎหมายว่าด้วยทาสที่หลบหนี (Fugitive Slave Act) ทำให้รัฐบาลมีอำนาจเต็มตามกฎหมายที่จะส่งตัวทาสที่หลบหนีกลับไปเป็นทาสตามเดิม


ในยุคที่ตำรวจได้รับยกเว้นโทษในข้อหาฆาตกรรมชายผิวดำที่ปราศจากอาวุธ ในยุคที่เก้าอี้ประหารไฟฟ้าและห้องรมแก๊สพิษถูกนำมาใช้เพื่อลงโทษคนผิวสีมากที่สุด ถือว่าสมควรแล้ว ที่เราพึงหยุดเฉลิมฉลอง แล้วหันมาสดับตรับฟังถ้อยคำอันขื่นขมของเฟรเดอริค ดักลาส :

สหายชาวอเมริกันทั้งหลาย ข้าพเจ้าขออภัย ที่ต้องถามท่านว่า ทำไมถึงเชิญข้าพเจ้ามากล่าวปาฐกถาในวันนี้? ข้าพเจ้าและคนอื่น ๆ เช่นอย่างข้าพเจ้าเกี่ยวอะไรกับวันประกาศอิสรภาพประจำชาติของท่าน? หลักการอันยิ่งใหญ่เรื่องเสรีภาพทางการเมืองและความยุติธรรมตามธรรมชาติ ที่ระบุไว้ในคำประกาศอิสรภาพ มีผลคุ้มครองต่อคนอย่างเราหรือ? สมควรแล้วหรือที่ข้าพเจ้าต้องมาน้อมคำนับแท่นบูชาประจำชาติของท่าน ต้องยอมรับคุณงามความดีและแสดงความตื้นตันกตัญญูในพรที่อิสรภาพของท่านประทานแก่เรา?

ถ้าถามว่า วันชาติอเมริกามีความหมายอย่างไรต่อคนที่เป็นทาส? ข้าพเจ้าขอตอบว่า มันเป็นวันที่แสดงให้เห็นความอยุติธรรมและพฤติกรรมโหดเหี้ยม ซึ่งทาสได้ตกเป็นเหยื่อมาตลอดมากยิ่งกว่าวันไหน ๆ สำหรับคนที่เป็นทาส การเฉลิมฉลองวันชาติเป็นแค่เรื่องเหลวไหลลวงโลก คำอวดอ้างเสรีภาพของพวกท่านเป็นแค่ใบอนุญาตให้ทำสิ่งต่ำทราม ความยิ่งใหญ่ของอเมริกาเป็นแค่ความหลงตนจนตัวพอง เสียงไชโยโห่ร้องเป็นแค่ความว่างเปล่าและไร้หัวใจ คำประณามด่าทอทรราชเป็นแค่ความโอหังหน้าด้าน เสียงตะโกนสรรเสริญเสรีภาพและความเสมอภาคเป็นแค่ถ้อยคำตลกโปกฮาน่าขบขัน คำสวดและเพลงสรรเสริญพระเจ้า ซึ่งมาพร้อมกับขบวนแห่และความเคร่งศาสนา เป็นแค่เปลือกนอกที่มีแต่ความปลิ้นปล้อนกะล่อนหลอกลวง ไร้ศรัทธา หน้าไหว้หลังหลอก เปรียบเสมือนแค่ผ้าบังตาบางๆ ที่ใช้ปกปิดอาชญากรรม ที่แม้แต่ชนป่าเถื่อนยังต้องอับอาย

ในโมงยามนี้ ไม่มีประเทศใดอีกแล้วในโลก ที่จะสร้างบาปได้น่าขนพองสยองเกล้าและเลือดนองท่วมแผ่นดินได้เท่ากับประชาชนแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา

ลองออกไปค้นหาที่ไหนก็ได้ ลองไปสำรวจทุกระบอบกษัตริย์และเผด็จการ ใน ดินแดนโลกเก่า จงไปให้ทั่วอเมริกาใต้ เสาะสำรวจทุกทารุณกรรมและเมื่อพบจนหมดแล้ว ให้ลองเอาความชั่วเหล่านั้นมาวางเทียบกับทารุณกรรมที่เป็นกิจวัตรประจำวันในประเทศนี้ แล้วคุณจะเห็นพ้องกับผมว่า ทั้งความป่าเถื่อนและพฤติกรรมปลิ้นปล้อนไร้ยางอายนั้น อเมริกาชนะแบบไร้คู่แข่ง……”

หมายเหตุ: ขอขอบพระคุณ คุณภัควดี วีระภาสพงษ์ สำหรับคำแนะนำและการตรวจแก้ให้กับผู้แปล บทความนี้แปลเผยแพร่เป็นภาษาอังกฤษบนเวปไซต์ ZNet

http://www.zmag.org/sustainers/content/2000-07/04zinn.htm

……………………………………….

ต้นฉบับ

July 4 2000

A Fourth of July Commentary By Howard Zinn

In this year 2000, I cannot comment more meaningfully on the Fourth of July than Frederick Douglass did when he was invited in 1852 to give an Independence Day address. He could not help thinking about the irony of the promise of the Declaration of Independence, of equality, life, liberty made by slave owners, and how slavery was made legitimate in the writing of the Constitution after a victory for "freedom" over England. And his invitation to speak came just two years after the passage of the Fugitive Slave Act, committing the national government to return fugitives to slavery with all the force of the law.

So it is fitting, at a time when police are exonerated in the killing of unarmed black men, when the electric chair and the gas chamber are used most often against people of color, that we refrain from celebration and instead listen to Douglass' sobering words:

"Fellow citizens: Pardon me, and allow me to ask, why am I called upon to speak here today? What have I or those I represent to do with your national independence? Are the great principles of political freedom and of natural justice, embodied in that Declaration of Independence, extended to us? And am I, therefore, called upon to bring our humble offering to the national altar, and to confess the benefits, and express devout gratitude for the blessings resulting from your independence to us?

"What to the American slave is your Fourth of July? I answer, a day that reveals to him more than all other days of the year, the gross injustice and cruelty to which he is the constant victim. To him your celebration’s a sham; your boasted liberty an unholy license; your national greatness, swelling vanity; your sounds of rejoicing are empty and heartless; your denunciation of tyrants, brass-fronted impudence; your shouts of liberty and equality, hollow mockery; your prayers and hymns, your sermons and thanksgivings, with all your religious parade and solemnity, are to him mere bombast, fraud, deception, impiety, and hypocrisy -- a thin veil to cover up crimes which would disgrace a nation of savages. There is not a nation of the earth guilty of practices more shocking and bloody than are the people of these United States at this very hour.

"Go and search wherever you will, roam through all the monarchies and despotisms of the Old World, travel through South America, search out every abuse and when you have found the last, lay your facts by the side of the everyday practices of this nation, and you will say with me that, for revolting barbarity and shameless hypocrisy, American reigns without a rival...."